** เรียนอะไรดี ที่ออสเตรเลีย **

25 ม.ค.

ระบบการศึกษาที่นี่รายละเอียดเยอะมากนะ แต่เราจะพูดถึงแค่เท่าที่คนส่วนมากจะไปเรียนกันได้ไหว นั่นก็คือ มัธยมปลาย อาชีวะ ปีพื้นฐาน ปริญญาตีและโท และภาษาอังกฤษจ้ะ พวกที่เรียนระดับสูงกว่านั้นเค้าคงไม่ค่อยมใส่ใจอะไรกับ blog อย่างเรามั้ง หุหุ เพราะฉะนั้นปล่อยพวกท่านๆขึ้นหิ้งไปเหอะ 55+

โรงเรียน
โรงเรียนที่นี่มีทั้งของรัฐและเอกชน ซึ่งคล้ายๆบ้านเราที่มีทั้งประจำและไปกลับ และส่วนมากเอกชนก็จะเป็นโรงเรียนที่องค์กรทางศาสนาเป็นผู้ก่อตั้ง แต่ก็ใช่ว่าจะรับนักเรียนต่างชาติกันทุกแห่งหรอก นะ จะต้องเป็นโรงเรียนที่ไปจดทะเบียนไว้กับทางรัฐเท่านั้น ส่วนเรื่องมาตรฐานนี่หายห่วงแน่นอนเลย เพราะว่ามีวิชาหลัก และวิชาเลือกที่เน้นสำหรับการศึกษาต่อในอนาคตด้วย ไม่ได้บังคับทุกอย่างเหมือนของไทยนะจ๊ะ

สถาบันฝึกอบรม
เรียกแบบบ้านเราก็คืออาชีวะนั่นเอง แต่ว่าของเค้าไม่เถื่อนๆแบบบ้านเรานะ เพราะว่าเค้าจะมีเรียนหลายแขนงรวมกัน ไม่เหมือนบ้านเราที่ช่างก็ช่าง พาณิชย์ก็พาณิชย์แยกกันไป แต่ที่แยกของเค้าก็มีเหมือนกัน เช่นกันที่มีทั้งของรัฐและเอกชน สำหรับของรัฐนั้นจะเรียกกันว่า TAFE ซึ่งค่าเรียนแพงกว่า แต่สอนแบบเข้มข้นมากๆเลย ต่างกับเอกชนบางที่ที่สอนแบบผ่านๆ แต่ราคาอาจจะถูกกว่ากัน คือของที่นั่นจะกลับกันกะของบ้านเรา เอกชนบ้านเราจะดี มีอุปกรณ์ครบ แต่รัฐจะจนกว่า ออกเชยๆเฉิ่มๆ ส่วนของเค้ารัฐนี่จะเพียบพร้อมมาก เอกชนตะหากที่จะพบพวกห่วยๆ

สำหรับคนไทยเค้าจะรับที่จบม.5 แล้วนะ ถือว่าดีมากๆเลย ถ้าเราไปเรียนบางวิชาที่ไม่มีสอนที่นี่ แล้วเอากลับมาทำงานในทักษะที่ไม่จำเป็นต้องจบระดับที่สูงกว่านั้น คุ้มค่ามากๆนะ ได้ทั้งภาษา ได้ทั้งงานที่ดี ประหยัดทั้งเงินทั้งเวลาด้วยแหละ คนแถวบ้านเราไปสมัครคอร์สเกี่ยวกับสปาเนี่ยแหละ ตอนนี้ได้ทำงานที่รีสอร์ทสปาระดับหรูทางใต้อ่ะ เงินเดือนครึ่งแสนแล้วตอนนี้ หุหุ คุ้มมากกกกก

ในสถาบันฝึกอบรมนี้ จะมีระดับวุฒิการศึกษาหลายแบบมากๆ ถ้าไม่ศึกษาให้ดีอาจจะสับสนได้ ส่วนตัวแนะนำว่าคนที่คิดเปลี่ยนอาชีพมาทำงานทางสายอาชีพ ที่ใช้ฝีมือโดยเฉพาะ ควรมาเรียนที่นี่เลยนะ เพราะว่าได้ใช้งานจริง ทำได้จริง ไม่เน้นเข้าห้องเลคเชอร์จ้า สำหรับวุฒิที่ได้จะแบ่งคร่าวๆได้แบบนี้

– cerificate I-IV เป็นการปูพื้นทักษะสำหรับแรงงาน พูดแล้วอย่านึกว่าจับกังแบกหามนะ แรงงานๆเนี่ย แต่เป็นงานประเภทที่ใช้กำลังแรงกาย แรงฝีมือ เช่น ทำเบเกอรี่ ทำผม จัดดอกไม้ เทอร์ราปิสท์ ช่างตัดเสื้อ จะได้ทักษะการทำงานในสาขานั้นๆไปแบบเต็มเปี่ยมเลยแหละ ว่าแล้วก็ยกตัวอย่างหน่อยนะ มีอาของเพื่อนน่ะ ทำงานบริษัทมาจะ 20 ปีแล้ว เบื่อชีวิตมนุษย์เงินเดือนเต็มที เลยทุบกระปุกไปเรียนจัดดอกไม้ที่นี่ เรียนแค่ cer III เท่านั้นเองนะ เพราะหลักสูตรมีเท่านี้ ก็ราวๆ 5 เดือนได้อ่ะ กลับมาก็เปิดร้านจัดดอกไม้กึ่งกิฟท์ช็อปแถวสุขุมวิท โหยย รายได้เดือนๆนึงดีกว่าสมัยทำงานบริษัทอีก

– diploma อันนี้เทียบเท่าปวช. บ้านเราเลย มีหลายแขนงเหมือนกัน แถมยังมีวิชาที่บ้านเราไม่มีให้เรียนด้วยนะ เช่น บริหารรีสอร์ทแอนด์สปา บริหารงานอีเวนท์ อาชญวิทยา นิติเวชวิทยา พวกนี้นี่บ้านเราหาเรียนไม่ได้นะ ระดับอาชีวะเนี่ย รับประกันเลย อย่างมากก็มีแทรกแค่เป็นวิชาๆไป ใช้เวลาเรียนราวๆ 1-1.5 ปี

– advanced diploma ก็คือ ปวส. นั่นแหละ มีให้เรียนคล้ายๆกับอันที่แล้วเลย แต่เนื้อหาจะเจาะลึกขึ้น เพื่อพัฒนาไปเป็นหัวหน้างาน จะเรียนนานกว่านะ ราวๆ 2 ปีได้

และวุฒิของสถาบันเหล่านี้ ส่วนมากจะนำไปเทียบโอนหน่วยเพื่อใช้เรียนในมหาลัยได้ด้วย ยิ่งเรียนตัวที่สูงมากก็ยิ่งโอนได้มาก สูงสุดได้ถึงปีครึ่งเลยนะ ประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยแหละ ได้เรียนเชิงปฏิบัติมาแล้ว จากนั้นค่อยไปเรียนทักษะแบบผู้บริหารในมหาลัยต่อ จะได้ครบเครื่องไง

ปีพื้นฐาน
งงอะดิ แปลกๆใช่ไม๊คำนี้ มันเป็นสถาบันเฉพาะที่เค้าเปิดสอนนักศึกษาต่างชาติ ที่จบม.ปลายมา แต่ว่าวุฒิไม่พอที่จะเข้ามหาลัยที่นั่น ก็ต้องมาเรียนพวกนี้ก่อน เนื้อหาที่สอนก็จะมีวิชาพื้นฐานทั่วๆไป กับวิชาเฉพาะคณะที่เราสนใจจะสมัครเรียนต่อไป อย่างเด็กไทยเราจบแค่ม.6 จะไปต่อมหาลัยทันทีเลยไม่ได้ ถ้าเกรดไม่ถึง 3.5 และสถาบันพวกนี้ส่วนมากเป็นสถาบันลูกของมหาลัย จะเปิดคอร์สในลักษณะ direct entry กับมหาลัยเลย จะได้ไม่เสียเวลา รับประกันว่าเรียนแล้วจะเข้าสถาบันแม่ได้แน่ (ถ้าตั้งใจเรียนนะ หุหุ)

มหาวิทยาลัย
ก็เป็นที่รู้ๆกันอยู่แหละ สำหรับหลักๆจะคล้ายบ้านเรานะ ยกเว้ยที่ว่าเค้าเรียนกันแค่ 3 ปี ในคณะที่บ้านเราเรียนกัน 4 วิชาก็มีหลากหลายเหมือนกัน ส่วนป.โทจะมีแบบนั่งเรียนกับแบบทำวิจัย ก็แล้วแต่สาขา แล้วแต่ชอบนะส่วนมากสายวิทย์ๆจะเน้นทำวิจัยมากกว่า เพื่อต่อยอดไปป.เอกได้

แล้วมันจะยังมี graduate certificate อีก คล้ายๆอนุปริญญาโท เอา ไว้สำหรับคนที่จบตรีคณะนึงมา แต่อยากเรียนโทอีกคณะนึง เป็นคณะที่พอจะเชื่อมโยงกันได้บ้างเล็กน้อย ก็จะจัดให้ปูพื้นก่อน เทียบคล้ายว่าจบภาษาแล้วไปต่อนิเทศ ก็จะต้องถูกให้เรียนพวกหลักนิเทศ หลักพีอาร์ หลักโฆษณา กันก่อน แล้วค่อยเจาะลึกต่อได้ ทำนองนี้อ่ะ

ภาษาอังกฤษ
มีทั้งโรงเรียนที่สอนภาษาอย่างเดียว ทั้งในสถาบันฝึกอบรม ทั้งใน TAFE และมหาลัยต่างๆ แน่นอนว่าเรียนของมหาลัยหรือ TAFE จะเข้มข้นกว่า แต่ก็แพงกว่าด้วย ของพวกสถาบันฝึกอบรมเอกชนจะมีหลายที่ที่เค้าชอบจัดโปรโมชั่นให้ บางทีก็มีแพคเกจเรียนภาษาบวกเรียน dip แต่ก็อาจจะสอนไม่ดี ไม่เข้มข้น เรียกว่าคุณภาพสมราคาอะนะ แต่ถ้าตั้งใจซะอย่างเรียนที่ไหนก็ได้อยู่แล้ว คอร์สก็มีหลายแบบ ทั้งแบบซัมเมอร์ ที่เรียนไปเที่ยวไป แบบทั่วไป แบบเพื่อศึกษาต่อ แบบเพื่อสอบ ielts เพื่อสอบอย่างอื่นๆอีกมากมาย แบบภาษาธุรกิจก็มี

อยากไปเรียนละสิ ถ้าพร้อมแล้ว ติดต่อ agent ได้เล้ยยยย

ใส่ความเห็น